วันจันทร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ชามที่ 1: อยุธยากับการเซอร์ไพรซ์ใครบางคน

ออกจากโรงพยาบาลเลี้ยวซ้ายเลียบคลองกระทั่งมาถึงถนนใหญ่ แล้วก็เลี้ยวซ้ายอีกครั้ง เจ้าของพื้นที่เขาบอกจะพาไปกินก๊วยเตี๋ยวไก่ฉีกอร่อยมาก
“นอกจากก๊วยเตี๋ยวแล้ว ยังมีข้าวมันไก่ด้วยนะ” เจ้าของพื้นที่บอก
นั่งมาในรถไม่ไกลนัก พ้นช่วงชุมชนที่มีตึกแถวเรียงรายไปได้สักหน่อย ก็จะถึงร้านก๊วยเตี๋ยวร้านนี้
ร้านเป็นเรือนไม้ปลูกติดดิน พื้นก็เป็นพื้นดินนี่ล่ะ ดูเหมือนจะปลูกยื่นออกมาจากตัวบ้าน
หน้าร้านมีป้ายเขียนไว้ ก๊วยเตี๋ยวไก่ฉีก และอีกบรรทัดซึ่งใช้ตัวอักษรเล็กกว่าเขียนว่า ข้าวมันไก่

เมื่อได้ที่นั่งกันเรียบร้อยแล้ว เจ้าของพื้นทีี่ก็บอกสั่งมาทีละสองเลยนะ เพราะเดี๋ยวเที่ยงคนเยอะสั่งต่อจะช้า ด้วยความที่ชื่อร้านก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นก๊วยเตี๋ยวไก่ฉีก เขาเลยสั่งเพียงเส้นเล็ก
และเธอสั่งเส้นหมี่ ส่วนเจ้าของพื้นที่จะสั่งอะไรนั้น ช่างเขาเถอะ เป็นแค่ตัวประกอบในเรื่อง ไม่ต้องไปสนใจมากก็ได้  แต่เจ้าของพื้นที่ก็หวังดีแหละ สั่งมาให้เขาสองชาม รวมทั้งหมดเป็นห้าชาม และก็ยังมีข้าวมันไก่ของตัวเองอีกจาน

พอก๊วยเตี๋ยวมาถึง เห็นขนาดของชามแล้ว อื่ม....มันก็ควรต้องสั่งทีละสองชามแหละ แต่ด้วยช่วงนั้นเขาซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างเตรียมความพร้อม อ้อ ลดความอ้วนน่ะ (ส่วนทำไมถึงเรียกเตรียมความพร้อมนี่เป็นเรื่องที่เขาและเธอรู้กันสองคน เราคงไม่ต้องไปยุ่งกับเขาหรอกเนอะ) เขาก็เลยกินเพียงชามเดียว ส่วนเธอก็คงกินชามเดียวอยู่แล้วล่ะ เป็นสาวเป็นแส้มากินก๊วยเตี๋ยวต่อหน้าชายหนุ่มถึงสองคนใครจะกล้าเบิ้ลล่ะ

ต้องบอกไหมว่าก๊วยเตี๋ยวอร่อยขนาดไหน บอกไม่ได้ เพราะระหว่างกินนั้น เขามัวแต่อิ่มใจที่ได้เลี้ยงก๊วยเตี๋ยวเธออย่างที่เคยได้คุยกันไว้ ก็เมื่ออิ่มเสียอย่างนี้อย่างอื่นก็ไม่รู้รสแล้วล่ะ ส่วนเธอก็อย่างเคยอ่ะนะ ใส่พริกเพียบและยังบอกอีกว่าพริกที่นี่เขาเผ็ดดีจัง ไม่รู้จะกินเผ็ดอะไรนัก ห่วงนะ

เมื่อเขากินหมดไปชามเจ้าของพื้นที่เขาก็เลื่อนอีกชามมาให้ เพราะตัวเองนั้นกินหมดไปแล้วสองกำลังกินข้าวมันไก่ต่ออยู่ แต่เขาปฏิเสธ
“เฮ้ย เรากินชามเดียว ตอนนี้กำลังลดความอ้วนอยู่”
“อ้าว สั่งมาแล้วกินสิ เรากินไปสอง นี่ข้าวมันไก่อีกจานเป็นสามแล้วนะ”
เขาลังเลอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะเลื่อนชามมาเพื่อจะปรุงรส แต่ไม่ทัน
เจ้าของพื้นที่ดึงชามกลับไป
“เออ งั้นเรากินเอง”
เขาและเธอหันมาสบตากัน ไม่รู้ว่าคิดอะไรกันอยู่ แล้วก็ยิ้มขึ้นมาพร้อมกัน

เมื่อเจ้าของพื้นที่กินหมดทั้งสี่ชามแล้ว เอ้อ ไม่ใช่สิ สามชามกับอีกหนึ่งจานจึงจะถูก
เจ้าของพื้นที่ก็จะจ่ายเงินค่าก๊วยเตี๋ยว แต่เธอห้ามไว้
“ไม่ได้มื้อนี้เขาต้องจ่าย เพราะเขาติดหนี้เราอยู่”
“งั้นเราจ่ายให้เธอชามเดียว ส่วนที่เหลือก็ให้เจ้าของบ้านเขาจ่าย” เขาแกล้งบอกเธอ
“โหย...ทุเรศว่ะ เธอนั่นล่ะจ่ายให้หมด”
“จ้า จ่ายเองจ้ะ”

วันศุกร์ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ที่มาของชามก๊วยเตี๋ยว

22/5/229 อาทิตย์
ระหว่างทางกลับจากพัทยาด้วยกัน
“เราขออะไรอย่างหนึ่งสิ”
“อะไรล่ะ บอกมาก่อนสิ”
“ให้หรือเปล่า บอกก่อน”
“ก็จะรู้ได้ไงล่ะ ว่าให้ได้หรือไม่”
“ให้ได้อยู่แล้ว จะให้หรือเปล่าเท่านั้นแหละ”
“บอกมาก่อน งั้นไม่ให้”
“ก็...เราอยากช่วยออกค่าน้ำมันรถเนี่ย”
“โถ...รถเราคันเล็กนิดเดียว กินน้ำมันก็น้อย เติมเต็มถังก็พันกว่าบาท แล้วดูนี่สิ”
เธอชื้ให้เขาดูที่เกจ์วัดระดับน้ำมัน
“นี่ยังไม่ถึงครึ่งถังเลย และถึงอย่างไรถ้าเธอไม่มาด้วย เราก็ต้องมาเองอยู่แล้ว ยังไงเราก็ต้องจ่ายค่าน้ำมันนี่อยู่แล้ว”
“แต่เราอยากช่วยนี่”
“งั้นเธออยากจะเลี้ยงข้าวเย็นเรา หรือจะออกค่าน้ำมันล่ะ”
เธอเว้นจังหวะให้เขาคิดครู่หนึ่งก่อนพูดต่อว่า
“ถ้าอยากออกค่าน้ำมันก็ไม่ต้องกินข้าวเย็นกัน ก็เลือกเอา”
“เราเลือกทั้งสองอย่างไม่ได้เหรอ น้ำมันด้วย และข้าวเย็นด้วย”
“ไม่ได้เลือกได้อย่างเดียว”
“งั้นเราเลือกเธอ”
เธอก็นั่งอมยิ้มหน้าแดงไปพักใหญ่ ก่อนจะพูดทั้งรอยยิ้มว่า
“อีกแล้วนะ” แล้วพูดต่อ
“เอาดีๆ เลือกมา ได้อย่างเดียว”
“งั้นคงต้องเลือกกินข้าวดีกว่า แต่ว่าถ้าเราเลี้ยงข้าวมื้อหนึ่งเนี่ย เราเปลี่ยนเป็นก๊วยเตี๋ยวได้ไหม จะได้ถูกๆ หน่อย จะได้เลี้ยงเธอได้หลายๆ มื้อ กว่าจะครบค่าน้ำมัน”
เธอหันมองหน้าเขาแล้วยิ้ม “โอเค...เราจะกินให้อ้วนๆ เล้ย”
“งั้นเป็นเราเลี้ยงก๊วยเตี๋ยวร้อยชามนะ”
เธอหันหน้ามายิ้มกับเขาและพยักหน้า